รู้เท่าทันอันตราย…การใช้สารเคมีกำจัดแมลงในบ้าน

โดย ปรียานุช  สายสุพรรณ์

รู้เท่าทันอันตราย…การใช้สารเคมีกำจัดแมลงในบ้าน

          หนู แมลงสาป หรือแมลงต่าง ๆ อีกหลายชนิดที่เราไม่พึงประสงค์ที่จะให้เข้ามาอยู่อาศัยในบ้านร่วมกับเรา เนื่องจากแมลงต่าง ๆ เหล่านี้นำมา
ซึ่งพาหะของเชื้อโรคทำให้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย และทำให้มีอาการเจ็บป่วย     จนบางครั้งมีอาการผิดปกติกับร่างกายและ
ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อโรคเหล่านั้น     หากจะมองในอีกมุมคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้  จนบางครั้งต้องยอมรับสภาพกับ
แมลงต่างๆ เหล่านั้น    แต่เราในฐานะผู้อาศัยอยู่ในบ้านคงต้องหาวิธีการที่จะทำให้แมลงอาศัยอยู่ ในบ้านเราให้น้อยที่สุด    เช่น ต้องทำความสะอาด
บ้านเรือนอยู่เสมอ  นอกจากนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้เขียนคิดว่าเป็นทางเลือกของใครหลายๆ    คนในการกำจัดแมลงในบ้านคือการใช้สารเคมีกำจัด
แมลง

          ปัจจุบันมีการใช้สารเคมีกำจัดแมลงกันอย่างแพร่หลาย  เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวกและให้ผลรวดเร็ว    นอกจากการใช้สารเคมีกำจัดแมลงกับ
ผลผลิตทางการเกษตรแล้ว ยังมีการใช้สารเหล่านี้ในบ้านพักอาศัยกันเป็นจำนวนมาก เพื่อใช้กำจัดแมลงในบ้านเรือน รวมทั้งในปัจจุบันบริษัทผู้ผลิต
ได้มีการเติมสารต่างๆ เช่น กลิ่นดอกไม้ กลิ่นผลไม้ กลิ่นหอมต่างๆ  ลงไปในสารเคมีกำจัดแมลง    จนทำให้ลืมไปว่าสารเคมีเหล่านี้คือสารพิษที่เป็น
อันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ภายในบ้าน   ทำให้การใช้สารเคมีกำจัดแมลงดังกล่าวไม่ถูกวิธีก่อให้เกิดอันตรายต่อ สุขภาพ   ดังนั้น จึงควร
ศึกษาผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาใช้  วิธีการใช้ที่ถูกต้องรวมทั้งศึกษาพิษของสารเคมีดังกล่าว

หมายเหตุ สารเคมีกำจัดแมลงต้องใช้โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านกำจัดแมลงเท่านั้น

สารสำคัญในสารเคมีกำจัดแมลง

          1. สารกลุ่มออร์การ์โนคลอรีน (Organochlorine)    เป็นสารกำจัดแมลงที่มีพิษค่อนข้างสูง  สลายตัวได้ยาก  ทำให้เกิดการตกค้างใน
สิ่งแวดล้อมเป็นเวลานาน   ซึ่งหลายประเทศในโลกรวมทั้งประเทศไทยได้ห้ามใช้สารในกลุ่มนี้      เช่น คลอเดน (chlordane) พบในยากำจัดปลวก
และลินเดน (lindane)  พบในยากำจัดเหา

          2. สารกลุ่มออร์การ์โนฟอสเฟต (Organophosphate) เป็นสารกำจัดแมลงที่สามารถออกฤทธิ์ในการกำจัดแมลงได้ดี  มีประสิทธิภาพ
สูง และมีข้อดีกว่าสารกำจัดแมลงในกลุ่มออร์การ์โนคลอรีน   คือ สามารถย่อยสลายได้      โดยสิ่งมีชีวิตและมีการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า
แต่มีความเป็นพิษค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสารกำจัดแมลงกลุ่มคาร์บาเมท  เช่น คลอไพริฟอส (chlorpyrifos)  ไดโควอส (dichlovos) และ DDVP
พบในสเปรย์กำจัดยุงและแมลงสาบ สเปรย์กำจัดปลวก มด มอด ส่วนมาลาไธออน (malathion) พบในยากำจัดหมัด

          3. สารกลุ่มคาร์บาเมท (Carbamate)  เป็นสารกำจัดแมลงที่เป็นพิษต่อมนุษย์ค่อนข้างต่ำ  สลายตัวได้เร็ว      จึงตกค้างในสิ่งแวดล้อม
ได้น้อยและสามารถใช้กำจัดแมลงได้เทียบเท่าสารกำจัดแมลงกลุ่มออร์การ์โน ฟอตเฟต เช่น โปรพ็อกเซอร์ (Propoxur)    หรือที่รู้จักกันในชื่อทาง
การค้าคือไบกอน คาร์บาริล (carbarly) ชื่อทางการค้าคือเซฟวินและคาร์โบฟูแรน (carbofuran) ชื่อทางการค้าคือฟูราดาน  พบในสเปรย์กำจัดยุง

          4. สารกลุ่มไพรีทรอยด์ (Pyrethroid)    เป็นสารกำจัดแมลงที่สังเคราะห์ขึ้นเลียนแบบธรรมชาติมีความไวทางชีวภาพสูง  ทำให้ไม่มีพิษ
สะสมในร่างกาย    จึงเกิดพิษต่อคนและสัตว์น้อยมาก   เช่น เฟนวาเลท (fenvalate)    พบในยากำจัดปลวก ไซเปอร์เมทริน (cypermethrin) และ
เดลต้าเมทริน (deltamethrin) พบในชอคก์ขีดกำจัดแมลงคลาน  สเปรย์กำจัดมด เป็นต้น

ไซเพอร์การ์ด 25 อีซี ไบโอเดลการ์ด 100 เดลต้าเมทริน 1%

สารเคมีกำจัดแมลงสามารถเข้าสู่คนได้ 3 ทาง คือ

  1. ทางปาก  โดยการกิน  การดื่ม  หรือโดยอุบัติเหตุ     
  2. ทางการหายใจ โดยการสูดดมไอของสาร ซึ่งสารเคมีกำจัดแมลงบางชนิดอาจมีฤทธิ์กัดกร่อนทำลายเยื่อจมูกและหลอดลมได้
  3. ทางผิวหนัง โดยการสัมผัสหรือจับต้องสารเคมีกำจัดแมลง   ทำให้เกิดการดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังซึ่งหากผิวหนังมีบาดแผลจะทำให้สารพิษดูดซึมสู่ผิวหนังได้ดี โดยเฉพาะสารพิษที่อยู่ในรูปของเหลว สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ดีและรวดเร็วกว่ารูปแบบอื่น

อาการที่เกิดจากการแพ้สารเคมีกำจัดแมลง

          อ่อนเพลีย  มึนงง ปวดศรีษะและเมื่อยตามตัว แน่นหน้าอก หายใจหอบ มีอาการสั่น กล้ามเนื้อกระตุก   มองเห็นภาพได้ลางเลือน ม่านตาหรี่
น้ำลายและเหงื่อออกมาก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง  อาจถ่ายอุจจาระและปัสสาวะโดยกลั้นไม่อยู่   ถ้ามีอาการรุนแรงอาจชัก และหมดสติ
อาจหยุดหายใจ และถึงตายได้

การปฐมพยาบาลเบื้องต้น

          ให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออก จากบริเวณที่มีสารเคมีกำจัดแมลง   ถ้าสารเคมีกำจัดแมลงถูกผิวหนังให้ถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนสารเคมีกำจัดแมลง ออก
รีบชำระร่างกายของผู้ป่วยให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่   อย่าขัดถูผิวหนังเพราะจะทำให้สารพิษซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ง่าย  ถ้าสูดดมสารเคมีกำจัดแมลงเข้า
ไปให้นำผู้ป่วยไปพักผ่อนในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกและอบอุ่น    คลายเสื้อผ้าให้หลวม  ถ้าสารเคมีกำจัดแมลงเข้าตาให้ล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ
ครั้ง นานประมาณ 15 นาที  ห้ามใช้ยาล้างตา ในกรณีที่สารเคมีกำจัดแมลงเข้าปากให้บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง  ถ้าผู้ป่วยกินสารเคมีกำจัด
แมลงเข้าไปให้ปฏิบัติตามคำแนะนำในฉลาก หรือทำให้อาเจียนแต่ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่หมดสติและเป็นโรคหัวใจ การทำให้ผู้ป่วยอาเจียนโดยให้ผู้ป่วย
รับประทานไข่ขาวดิบ ขนาดที่ใช้ คือ เด็ก 4 ฟองและผู้ใหญ่ 8 ฟอง  และรีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันทีพร้อมด้วยภาชนะบรรจุ  และฉลากวัตถุมีพิษนั้น

การปฏิบัติตนเพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้ ผู้อยู่อาศัย และสัตว์เลี้ยง

          อ่านฉลากข้างภาชนะบรรจุให้ ละเอียดทุกครั้งก่อนใช้ ควรระมัดระวังในการเทหรือรินสารเคมีกำจัดแมลง เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสทางผิวหนัง
ระหว่างฉีดพ่นควรสวมเครื่องป้องกันตัว  เช่น สวมเสื้อผ้าที่มิดชิด ใส่ถุงมือหรือใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูก อย่าฉีดพ่นในห้องที่มีเด็ก ผู้ป่วยผู้อยู่อาศัยและ
สัตว์เลี้ยง รวมทั้งในบริเวณที่มีอาหารและบริเวณที่มีเปลวไฟ   หากจำเป็นต้องฉีดพ่นในห้องที่มีอาหารต้องปิดครอบอาหารให้มิดชิด หรือนำออกนอก
บริเวณที่ใช้สารเคมี   อย่าฉีดพ่นสารเคมีกำจัดแมลงภายนอกขณะที่ลมแรงหรือมีฝนตก  ควรเก็บสารเคมีกำจัดแมลงที่ใช้ในบ้านให้ห่างไหลจากเด็ก
หรือเก็บไว้ในตู้ล๊อคที่ปลอดภัย   หลังฉีดพ่นควรปิดห้องไว้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง      เพื่อให้ละอองของสารเคมีกำจัดแมลงที่กระจายในอากาศบริเวณนั้น
เจือจางลง แล้วทำความสะอาดพื้นห้องเพื่อกำจัดสารเคมีที่ตกตามพื้น ควรล้างมือ ล้างหน้า   อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งหลังการฉีดพ่นสารเคมี
กำจัดแมลง  สำหรับภาชนะบรรจุที่ใช้หมดแล้วควรฝังดิน

          ด้วยเรื่องราวที่ผู้เขียนนำ รายละเอียดมาฝากผู้อ่านทั้งหมดนี้  คงจะเป็นเรื่องราวที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องใช้สารเคมีภายในบ้าน เรือนเป็น
ประจำ อาจจะเป็นเรื่องที่เคยได้ยิน และเคยปฏิบัติกันเป็นประจำอยู่แล้ว   แต่เพื่อเป็นการย้ำเตือนและเป็นการเฝ้าระวัง ไม่ให้อันตรายจากการใช้สาร
เคมีเกิดขึ้น  และเพื่อให้ทราบถึงโทษของสารเคมีที่เราใช้กันด้วยความเคยชิน

          สุดท้ายการใช้สารเคมีไม่ว่าจะเป็นในแปลงของเกษตรกร หรือจะนำมาใช้เพื่อกำจัดแมลงภายในบ้านเรือน  กรมวิชาการเกษตร
ได้มีนโยบาย และเน้นย้ำเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอดว่า  การที่จะเลือกใช้สารเคมีอยากให้เป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะใช้    เนื่องจากการ
ใช้สารเคมีจะเกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม และที่สำคัญที่สุดจะส่งผลถึงตัวผู้ใช้นั่นคือเกษตรกรนั่นเอง        การที่จะเลือกใช้สารเคมี
เพื่อการใดก็ตาม  เราควรศึกษาให้ดีถึงข้อควรปฏิบัติ  เพื่อที่เราจะได้เป็นผู้ที่เรียกได้ว่า เป็นผู้ที่รู้เท่าทันอันตราย… จากการใช้สารเคมี

หมายเหตุ สารเคมีกำจัดแมลงต้องใช้โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านกำจัดแมลงเท่านั้น